สัญญาสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ
ตามโครงการสิทธิพิเศษเพื่อเพื่อนพนักงานของบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์จำกัดและ/หรือบริษัทในเครือ

ผู้ยื่นคำขอใช้สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับเป็นพนักงานของบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์จำกัดและ/หรือบริษัทในเครือ (“บริษัท”) (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “ผู้กู้”) มีความประสงค์จะเข้าร่วมโครงการสิทธิพิเศษเพื่อเพื่อนพนักงานของบริษัท (“โครงการ”) โดยบริษัทแอสเซนด์นาโนจำกัด (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “ผู้ให้กู้”)

ผู้กู้ตกลงยื่นคำขอใช้สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับตามโครงการ (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “คำขอสำหรับพนักงาน”) ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของคำขอใช้สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับกับผู้ให้กู้ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของผู้ให้กู้หรือวิธีอื่นใดตามที่ผู้ให้กู้กำหนด (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกคำขอสำหรับพนักงานคำขอใช้สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับเอกสารแสดงข้อมูลผลิตภัณฑ์และสัญญานี้รวมกันว่า “สัญญาสินเชื่อ”) ซึ่งผู้กู้ตกลงจะปฏิบัติและผูกพันตามข้อตกลงและเงื่อนไขภายใต้สัญญาสินเชื่อทุกประการ

1. สินเชื่อวงเงินสินเชื่อและดอกเบี้ย
   1.1. สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับตามโครงการที่ผู้ให้กู้ให้แก่ผู้กู้ตามสัญญานี้ เป็นสินเชื่อที่มีข้อเสนอที่คัดสรรมาเฉพาะสำหรับผู้กู้
   1.2. ผู้กู้ต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่ผู้ให้กู้กำหนดไว้สำหรับโครงการ รายละเอียดตามข้อ 3 ของคำขอสำหรับพนักงาน
   1.3. ผู้กู้รับทราบว่าผู้กู้ต้องยื่นคำขอสำหรับพนักงานผ่านแผนกทรัพยากรบุคคล (Human Resource) ของบริษัทหรือผ่านช่องทางอื่นใดตามที่ผู้ให้กู้กำหนด และยื่นคำขอใช้สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของผู้ให้กู้ หรือผ่านช่องทางอื่นใดที่ผู้ให้กู้กำหนดไม่ว่าจะยื่นคำขอประเภทใดก่อนหรือหลังกันก็ได้
   1.4. อัตราดอกเบี้ยพิเศษตามโครงการให้เป็นไปตามที่ผู้ให้กู้กำหนดและไม่เกินอัตราที่กฎหมายกำหนด
   1.5. ในกรณีที่ผู้กู้มีสินเชื่ออยู่กับผู้ให้กู้ก่อนเข้าร่วมโครงการผู้กู้ตกลงและให้ความยินยอมให้ผู้ให้กู้พิจารณาทบทวนวงเงินสินเชื่อ ที่ผู้ให้กู้อนุมัติ (ไม่ว่าปรับเพิ่ม หรือลด) ให้แก่ผู้กู้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ผู้กู้ทราบล่วงหน้าอีกแต่อย่างใดโดยการดำเนินการดังกล่าว จะไม่กระทบกับสินเชื่อที่ผู้กู้ได้เบิกใช้ไปแล้วก่อนเข้าร่วมโครงการ ซึ่งผู้กู้ยังคงมีหน้าที่ในการชำระคืนเงินต้นดอกเบี้ยค่าธรรมเนียมค่าปรับและค่าใช้จ่ายใด ๆ ให้แก่ผู้ให้กู้ทุกจำนวนภายในกำหนดระยะเวลาที่ตกลงกันไว้กับผู้ให้กู้
   1.6. เมื่อผู้ให้กู้พิจารณาอนุมัติวงเงินสินเชื่อแก่ผู้กู้ภายใต้หลักเกณฑ์ของผู้ให้กู้ตามโครงการแล้วในภายหลังผู้ให้กู้ยังคงมีสิทธิพิจารณาทบทวนวงเงินสินเชื่อที่ผู้ให้กู้อนุมัติ (ไม่ว่าปรับเพิ่ม หรือลด) ระงับ หรือเปลี่ยนแปลงประเภทของสินเชื่อที่ให้บริการให้เป็นสินเชื่ออื่นใดนอกเหนือจากสินเชื่อตามโครงการ ทั้งนี้ผู้ให้กู้จะแจ้งผลการพิจารณาปรับลดหรือระงับวงเงินสินเชื่อดังกล่าวล่วงหน้าอย่างน้อย 30 (สามสิบ) วันหรือในกรณีเร่งด่วนผู้ให้กู้จะแจ้งให้ผู้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 (เจ็ด) วันก่อนการเปลี่ยนแปลงนั้นจะมีผลบังคับใช้ หรือในกรณีที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมีนัยสำคัญแก่ผู้ให้กู้ ผู้ให้กู้จะแจ้งการเปลี่ยนแปลงหรือแจ้งการดำเนินการให้ผู้กู้ทราบได้ภายหลังภายในระยะเวลาที่เหมาะสม โดยการเปลี่ยนแปลงวงเงินสินเชื่อดังกล่าวจะไม่กระทบกับสินเชื่อที่ผู้กู้ได้เบิกใช้ไปแล้วซึ่งผู้กู้ยังคงมีหน้าที่ในการชำระคืนเงินต้นดอกเบี้ยค่าธรรมเนียมค่าปรับและค่าใช้จ่ายใด ๆ ให้แก่ผู้ให้กู้ทุกจำนวนภายในกำหนดระยะเวลาที่ตกลงกันไว้กับผู้ให้กู้อนึ่งในกรณีที่ผู้ให้กู้พิจารณาปรับเพิ่มวงเงินให้แก่ผู้กู้หรือดำเนินการใด ๆ ที่ส่งผลให้ผู้กู้เกิดภาระหรือความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นผู้ให้กู้จะขอความยินยอมจากผู้กู้ก่อน โดยวงเงินที่มีการปรับเพิ่มขึ้นจะมีผลภายในระยะเวลาตามสมควรตามที่ผู้ให้กู้กำหนด
2. การชำระหนี้และการหักค่าจ้าง
   2.1. ผู้กู้ได้ให้ความยินยอมในการหักค่าจ้างและค่าตอบแทนอื่นใด เพื่อชำระสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับตามโครงการไว้กับบริษัท (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “ความยินยอมให้หักค่าจ้าง”) ผู้กู้ตกลงและยินยอมให้บริษัท โดยผู้บังคับบัญชา หัวหน้าฝ่ายการเงิน หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคล หรือผู้ที่มีอำนาจดำเนินการของบริษัทหักเงินเดือนค่าล่วงเวลาค่าทำงานในวันหยุด ค่าล่วงเวลาในวันหยุด ค่าคอมมิชชั่น หรือค่าตอบแทนอื่นใดที่บริษัทจ่ายให้แก่ผู้กู้ เพื่อตอบแทนการทำงานของผู้กู้ที่ผู้กู้มีสิทธิได้รับในแต่ละเดือน/ ปี (“ค่าจ้าง”) เพื่อชำระสินเชื่อให้แก่ผู้ให้กู้แทนผู้กู้ในกรณีดังต่อไปนี้
   2.1.1. เมื่อครบกำหนดชำระสินเชื่อตามงวดของสัญญาสินเชื่อและ/หรือตามที่ผู้ให้กู้มีหนังสือแจ้งให้ชำระหนี้โดยผู้ให้กู้จะแจ้งให้ผู้กู้ทราบล่วงหน้าผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของผู้ให้กู้หรือวิธีอื่นใดตามที่ผู้ให้กู้กำหนดและหักชำระสินเชื่อตามงวดของสัญญาสินเชื่อเต็มจำนวน
   2.1.2. ในกรณีที่ผู้กู้ผิดนัดชำระหนี้จำนวนใดๆ ที่ถึงกำหนดชำระตามสัญญานี้ไม่ชำระต้นเงินกู้หรือดอกเบี้ยจำนวนใด ๆ ตลอดจนค่าธรรมเนียมค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้บริการภายใต้สัญญาสินเชื่อหรือค่าอากรแสตมป์ภายใต้สัญญาสินเชื่อผู้กู้ตกลงและยินยอมให้ผู้ให้กู้มีสิทธิส่งคำสั่งให้บริษัทหักและนำส่งค่าจ้างให้แก่ผู้ให้กู้เพื่อชำระหนี้ดังกล่าวได้ทันที ไม่ว่าค่าจ้างของผู้กู้นั้นจะมีจำนวนเพียงพอสำหรับชำระหนี้ที่ค้างชำระได้เต็มจำนวนหรือไม่ก็ตาม
   2.2. ในกรณีที่ผู้กู้ชำระหนี้เพียงบางส่วนหรือค่าจ้างที่ผู้ให้กู้อาจหักชำระหนี้ได้ไม่เพียงพอที่จะชำระหนี้ที่ค้างชำระได้เต็มจำนวน ผู้กู้ตกลงให้ผู้ให้กู้จัดสรรเงินดังกล่าวเพื่อชำระหนี้ส่วนที่เป็นค่าใช้จ่ายใด ๆ ที่เกี่ยวข้องภายใต้สัญญาสินเชื่อค่าธรรมเนียมดอกเบี้ยค้างชำระและดอกเบี้ยที่สะสมระหว่างงวดก่อนตามลำดับ และหากภายหลังจากที่ได้หักชำระหนี้ที่กล่าวมาแล้วยังมีเงินเหลือจึงค่อยนำไปหักชำระหนี้ส่วนที่เป็นต้นเงินกู้ ทั้งนี้ ผู้ให้กู้มีสิทธิที่จะปรับเปลี่ยนลำดับการชำระหนี้ได้ตามที่ผู้ให้กู้เห็นสมควร
   2.3. หากผู้ให้กู้ไม่บังคับใช้สิทธิในการขอให้บริษัทหักค่าจ้างและนำส่งให้ผู้ให้กู้ ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตามผู้กู้รับทราบและตกลงว่าผู้กู้ยังมีหน้าที่ต้องชำระสินเชื่อให้แก่ผู้ให้กู้เองโดยตรงการไม่ใช้สิทธิดังกล่าวของผู้ให้กู้จะไม่กระทบกับหน้าที่การชำระสินเชื่อที่ผู้กู้ได้เบิกใช้ไปแล้วซึ่งผู้กู้ยังคงมีหน้าที่ในการชำระคืนเงินต้นดอกเบี้ยค่าธรรมเนียมค่าปรับและค่าใช้จ่ายใด ๆ ให้แก่ผู้ให้กู้ทุกจำนวนภายในกำหนดระยะเวลาที่ตกลงกันไว้กับผู้ให้กู้
3. คุณสมบัติของผู้กู้
   3.1. ผู้กู้ตกลงและยืนยันว่าผู้กู้เป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่ผู้ให้กู้กำหนด ดังต่อไปนี้
   3.1.1. อายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
   3.1.2. ผ่านระยะเวลาทดลองงานและมีสถานะเป็นลูกจ้างประจำของบริษัทโดยมีระยะเวลาการทำงานกับบริษัทมากกว่า 1 ปีขึ้นไป และตกลงคงสภาพเป็นลูกจ้างประจำของบริษัทตลอดระยะเวลาของสัญญาสินเชื่อ
   3.1.3. มีประวัติการทำงานที่ดีกับบริษัท และไม่มีประวัติการผิดนัดชำระหนี้ใด ๆ กับผู้ให้กู้ และไม่มีชื่ออยู่ในบัญชีผู้ที่บริษัท หรือบริษัท ทรู มันนี่ จำกัดไม่ยอมรับ (Black List)
   3.1.4. เป็นผู้ใช้บริการทรูมูฟเอชและทรูมันนี่วอลเล็ทหรือ
   3.1.5. คุณสมบัติอื่นใดที่ผู้ให้กู้กำหนดและประกาศให้ทราบต่อไป
   3.2. ผู้กู้ตกลงและยินยอมว่าไม่ว่าในระยะเวลาของสัญญาสินเชื่อหากผู้กู้พ้นสภาพจากการเป็นลูกจ้างของบริษัทหรือขาดคุณสมบัติตามที่ระบุไว้ในข้อ3.1 ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ผู้ให้กู้มีสิทธิปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยพิเศษตามโครงการตามที่ระบุไว้ในข้อ 1.4 และวงเงินสินเชื่อ เป็นอัตราดอกเบี้ยปกติและวงเงินสินเชื่อตามคำขอใช้สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ตามข้อกำหนดและเงื่อนไขเดียวกับผู้กู้ทั่วไป
4. ข้อกำหนดอื่น
   4.1. ข้อกำหนดและเงื่อนไขในคำขอสำหรับพนักงานนี้ หากขัดหรือแย้งกับคำขอใช้สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับซึ่งมีผลใช้บังคับอยู่ในขณะนี้ และที่จะเพิ่มเติมต่อไปในภายหน้าให้ใช้ข้อกำหนดและเงื่อนไขในคำขอสำหรับพนักงานนี้ทั้งนี้เท่าที่ไม่ขัดกับกฎหมาย
   4.2. หากข้อกำหนดและเงื่อนไขเรื่องใดไม่ได้ระบุไว้ในคำขอสำหรับพนักงานนี้ ให้ข้อกำหนดและเงื่อนไขในคำขอใช้สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับมีผลบังคับใช้แก่คู่สัญญา
   4.3. หากส่วนหนึ่งส่วนใดของคำขอสำหรับพนักงานนี้ไม่สมบูรณ์ผิดกฎหมายตกเป็นโมฆะหรือไม่อาจบังคับได้ให้ถือว่าข้อความดังกล่าวไม่กระทบต่อความสมบูรณ์ความถูกต้องและการบังคับใช้ของส่วนอื่นโดยให้ถือว่าส่วนอื่นยังคงมีผลบังคับใช้โดยสมบูรณ์ต่อไป