นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (ฉบับคู่ค้า)

บริษัท แอสเซนด์ อินโนเวชั่น จำกัด (“บริษัท”) ตระหนักถึงความสําคัญในความเป็นส่วนตัวและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้าของบริษัท โดยที่ “คู่ค้า” หมายถึง บุคคลที่คาดว่าจะเป็นหรือเป็นคู่ค้า หรือบุคคลซึ่งได้มีการแสดงเจตนา ตกลงเข้าทำสัญญาหรือที่เข้าเสนอราคาเพื่อขายสินค้า และ/หรือบริการให้แก่บริษัท หรือบุคคลที่บริษัทเป็นผู้ขายสินค้า และ/หรือบริการให้ หรือบุคคลที่จะลงทะเบียนหรือได้ลงทะเบียนเป็นคู่ค้าของบริษัท หรือบุคคลอื่นใดในลักษณะเดียวกัน อาทิเช่น คู่สัญญา นักลงทุน ตัวแทนรับชำระเงินของบริษัท หรือบุคคลที่บริษัทตกลงรับเป็นตัวแทนรับชำระเงิน ผู้ให้บริการ ผู้รับบริการ ผู้ว่าจ้าง ผู้รับจ้าง ที่ปรึกษา คู่สัญญาในโครงการ ShopReward+ by TrueMoney เป็นต้น ไม่ว่าวัตถุประสงค์ในการเข้าทำสัญญา หรือการตกลงร่วมกันนั้นจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับ บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney บริการรับชำระเงินแทน บริการโอนเงินด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ และบริการอื่น ๆ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือหน่วยงานอื่นใด หรือไม่ก็ตาม (รวมเรียกว่า “ท่าน”) บริษัทจึงได้จัดให้มีนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อแจ้งให้ท่านทราบเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ แนวทางปฏิบัติของบริษัทในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ โปรดอ่านและทำความเข้าใจข้อกำหนดต่างๆ ภายใต้นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

ข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งสามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ เช่น ชื่อ-นามสกุล เลขบัตรประชาชน ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ข้อมูลทางการเงิน เป็นต้น

ข้อมูลส่วนบุคคลอาจประกอบด้วยข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนและเสี่ยงต่อการถูกใช้ในการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม (Sensitive Personal Data) ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว รวมถึงแต่ไม่จำกัดอยู่เพียง ข้อมูลทางชีวภาพ ข้อมูลเกี่ยวกับศาสนา ประวัติอาชญากรรม

ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงข้อมูลใด ๆ ของท่านที่ได้ให้ไว้แก่บริษัท และ/หรือที่อยู่ในความครอบครองของบริษัท และ/หรือที่บริษัทเก็บรวบรวมจากแหล่งอื่นหรือบุคคลอื่นใดโดยถูกต้องตามกฎหมาย

ในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นที่จะต้องเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน แตกต่างไปจากที่ระบุในนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงลักษณะที่แตกต่างออกไปขณะหรือก่อนที่มีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

การที่ท่านเข้าเป็นคู่ค้ากับบริษัท ให้ถือว่าท่านได้อ่านและเข้าใจในนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้แล้ว

ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย

ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย ภายใต้นโยบายฉบับนี้ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัทโดยตรง หรือข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมจากท่าน หรือข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับมาจากบุคคลภายนอก ได้แก่

  • ข้อมูลตามบัตรประชาชน หนังสือเดินทาง ทะเบียนบ้าน และ/หรือหลักฐานอื่นที่ออกโดยราชการ เช่น เลขประจำตัวประชาชน ชื่อ นามสกุล คำนำหน้าชื่อ วัน/เดือน/ปีเกิด เป็นต้น
  • ข้อมูลที่จำเป็นในการติดต่อท่าน เช่น ที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้ หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ อีเมล ข้อมูลถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย (กรณีชาวต่างชาติ)
  • ข้อมูลที่จำเป็นของผู้ติดต่อประสานกับบริษัท เช่น ชื่อ นามสกุล หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ อีเมล
  • ข้อมูลที่จำเป็นในการพิจารณาคุณสมบัติ เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจ ข้อมูลการถือหุ้น ข้อมูลเกี่ยวกับระบบที่ท่านใช้ในการดำเนินธุรกิจ ข้อมูลเกี่ยวกับแพลตฟอร์มที่ท่านใช้ในการเชื่อมต่อ แผนพัฒนาหรือปรับปรุง แพลตฟอร์มสำหรับธุรกิจของท่านเพื่อให้มีความเหมาะสมกับการเชื่อมต่อเข้ากับระบบของทรูมันนี่
  • ข้อมูลเกี่ยวกับสถานะทางการเงิน เช่น ข้อมูลการชำระค่าสินค้า และ/หรือบริการ บันทึกรายการธุรกรรมที่ทำผ่านบัญชี TrueMoney หรือบริการอื่น ๆ ข้อมูลบัตรเครดิต ข้อมูลบัญชีเงินฝาก
  • ข้อมูลที่ใช้เป็นหลักฐานในการเป็นคู่ค้ากับบริษัท การลงทะเบียนหรือก่อนิติสัมพันธ์ใดๆกับบริษัท เช่น รหัสตัวแทน (Agent Code) สถานะตัวแทน (Agent Status) ข้อมูลบัญชี TrueMoney ของคู่ค้า ข้อมูลที่ปรากฏบนสื่อสาธารณะหรือสื่อออนไลน์ (เช่น Facebook) เลขที่ประจำตัวผู้เสียภาษี หนังสือมอบอำนาจ หนังสือรับรองบริษัท ใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภพ.20) ใบแจ้งหนี้ ใบเสร็จรับเงิน เช็คและต้นขั้วเช็ค สำเนาสมุดบัญชีธนาคาร สำเนาใบอนุญาตประกอบวิชาชีพหรือธุรกิจต่างๆ และสัญญา รวมถึงเอกสารแนบท้ายสัญญา เป็นต้น
  • ข้อมูลอื่นๆ เช่น ข้อมูลการบริหารจัดการดูแลความสัมพันธ์ลูกค้าซึ่งดำเนินการผ่านแพลตฟอร์มของท่านกับระบบของทรูมันนี่บนแอปพลิเคชัน TrueMoney บันทึกการโต้ตอบและการสื่อสารระหว่างท่านกับบริษัท ไม่ว่าจะในรูปแบบหรือวิธีการใดๆ และการสื่อสารทางสื่อสังคมออนไลน์ ข้อมูลเกี่ยวกับการชำระเงินหรือการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน เป็นต้น

ทั้งนี้ เพื่อความจำเป็นในการให้บริการเพิ่มเติมนอกเหนือจากบริการพื้นฐานของบริษัท หรือกรณีเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลที่ความละเอียดอ่อน (Sensitive Personal Data) นอกเหนือจากที่ระบุข้างต้น บริษัทจะดำเนินการภายใต้ฐานต่าง ๆ ตามกฎหมายกำหนดเท่านั้น โดยบริษัทจะแจ้งวัตถุประสงค์ และประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย ก่อนหรือขณะที่จะมีการดำเนินการดังกล่าว

ฐานในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และวัตถุประสงค์ในการดำเนินการ

บริษัทจะดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้ฐานตามกฎหมายและดำเนินการตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

  • ฐานความจำเป็นต่อการเข้าทำสัญญา และปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญา รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง
    • การพิจารณาสัญญา หรือใบสมัครหรือใบคำขอต่างๆ เช่น สัญญาให้บริการแพลตฟอร์ม ใบสมัครเข้าร่วมโครงการ TrueMoney Mini Program หรือใบสมัคร/ใบคำขอใดๆ อันเกี่ยวกับบริการต่างๆ ของบริษัท เพื่อให้ท่านเข้าถึงบริการใดของบริษัท ในฐานะที่ท่านเป็นคู่ค้า ทั้งนี้ คู่ค้าเป็นฝ่ายให้ข้อมูลส่วนบุคคลกับบริษัทหรือมีคำขอมายังบริษัทว่าประสงค์จะเข้าทำสัญญาซื้อขายหรือบริการใดกับบริษัท
    • การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อการดำเนินการอันจำเป็นก่อนเข้าทำสัญญา เช่น การดำเนินการลงทะเบียนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำสัญญาหรือปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญา
    • วัตถุประสงค์ใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามสัญญา และบริหารจัดการสัญญาระหว่างบริษัทกับคู่ค้าเพื่อประโยชน์ต่อบริษัทและการปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาต่อคู่ค้าอย่างดีที่สุด
    • การให้บริการช่วยเหลือ ติดต่อสอบถามข้อมูล การประสานงาน ตอบรับคำร้องขอ รับข้อมูลข่าวสาร หรือเพื่อการติดต่อสอบถามเกี่ยวกับบริการ รวมถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสัญญา
    • เพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมรายชื่อคู่ค้า หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคู่ค้า
    • เพื่อวัตถุประสงค์ในการวิเคราะห์ ประเมินผลข้อมูล เพื่อพิจารณาวางแผนแนวทางการดำเนินการของบริษัทต่อคู่ค้า และ/หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคู่ค้า ในการเข้าทำสัญญาหรือการตกลงเจรจาใด การลงทุนในโครงการ หรือดำเนินการก่อนิติสัมพันธ์ใดๆ ต่อคู่ค้า หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคู่ค้า ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
  • ฐานการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง
    • การปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ซึ่งบริษัทมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ กฎ หลักปฏิบัติ หรือแนวทางปฏิบัติใด ๆ ที่ออกโดยหน่วยงานตามกฎหมายหรือที่มีอำนาจกำกับดูแล เช่น ประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เป็นต้น โดยบริษัทอาจนำส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ผู้ตรวจสอบภายใน/ภายนอก หน่วยงานราชการ หรือบุคคลนิติบุคคลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
  • ฐานความยินยอม รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง
    • วัตถุประสงค์อื่น ๆ อันชอบด้วยกฎหมายซึ่งบริษัทจะดำเนินการขอความยินยอมจากท่านเป็นคราว ๆ ไป เช่น เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ท่านในการติดต่อประสานงานบริษัทในเครือ หรือกับคู่ค้าอื่นของบริษัท
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่บริษัท เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง
    • การป้องกันอาชญากรรมและการฉ้อโกง
    • การรักษาความปลอดภัยของระบบและเครือข่ายเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล
    • การตรวจสอบและการบริหารความเสี่ยง
    • การก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย รวมถึง การดำเนินการใดที่เกี่ยวข้องกับการก่อตั้งสิทธิและใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายด้วย เช่น การดำเนินคดี การต่อสู้คดีในชั้นศาล
    • การปฏิบัติตามนโยบายต่างๆ ของบริษัทที่เกี่ยวกับคู่ค้า เช่น นโยบายการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติของคู่ค้าในการจัดซื้อจัดจ้าง เป็นต้น
  • ฐานประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ โดยบริษัทได้จัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานและประโยชน์ของท่าน รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง
    • การพิสูจน์/ยืนยันตัวตนเพื่อป้องกันอาชญากรรมและการฉ้อโกง
    • การต้องสงสัยเกี่ยวกับการสนับสนุนทางการเงินสำหรับการก่อการร้ายหรือการฟอกเงิน

นอกเหนือจากฐานตามกฎหมายและวัตถุประสงค์ข้างต้น บริษัทอาจดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้ฐานอื่น ๆ ตามกฎหมาย เช่น เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกายหรือสุขภาพของท่าน หรือ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ เป็นต้น โดยหากมีการดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้วัตถุประสงค์อื่น ๆ ตามฐานดังกล่าว บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบในภายหลัง

การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลภายนอก และการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งอื่น

เพื่อการดำเนินการตามวัตถุประสงค์และภายใต้ฐานตามกฎหมายของบริษัทข้างต้น บริษัทอาจเก็บรวบรวมจาก และ/หรือ ใช้, ส่ง, โอน, ประมวลผล และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลดังต่อไปนี้

  • นิติบุคคลที่มีอำนาจควบคุมบริษัท หรืออยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัท รวมถึงบริษัทที่อยู่ภายใต้การควบคุมเดียวกันกับบริษัท ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง บริษัทในกลุ่มของบริษัท แอสเซนด์ กรุ๊ป จำกัด, บริษัทในกลุ่มของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัทในกลุ่มของบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน), บริษัทในกลุ่มของบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือของบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด เป็นต้น
  • นิติบุคคล หรือบุคคลอื่นใดที่บริษัทเป็นคู่สัญญาหรือมีนิติสัมพันธ์กับบริษัท รวมถึงผู้ให้บริการอื่น ๆ ที่มีอำนาจดำเนินการใด ๆ กับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ทั้งภายในและภายนอกประเทศ เช่น ผู้ให้บริการภายนอก ผู้ให้บริการ Cloud หรือคู่ค้าอื่นใดของบริษัท ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการให้แน่ใจว่าผู้ให้บริการเหล่านั้นจะดำเนินการกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
  • ผู้สอบบัญชี ผู้ตรวจสอบภายนอกของบริษัท หน่วยงานราชการ ผู้รับโอนสิทธิเรียกร้อง และบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นใด ที่บริษัทจำเป็นต้องส่งข้อมูลส่วนบุคคลให้เพื่อความจำเป็นในการปฏิบัติตามกฎหมาย
  • ผู้รับโอนธุรกิจ/กิจการ ในกรณีที่บริษัทมีการควบรวม โอน ขาย ทรัพย์สิน และ/หรือกิจการทั้งหมด หรือแต่บางส่วน

ระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัทมีความจำเป็นที่จะต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ เป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็นในระหว่างที่ท่านยังใช้บริการหรือมีความสัมพันธ์อยู่กับบริษัท หรือตลอดระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการของบริษัท โดยอาจเก็บรวบรวมไว้ต่อไปภายหลังจากนั้นหากมีกฎหมายกำหนดไว้ เช่น ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือเพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์ตรวจสอบกรณีอาจเกิดข้อพิพาทภายในอายุความตามที่กฎหมายกำหนดเป็นระยะเวลาไม่เกิน 15 ปี

ทั้งนี้ บริษัทจะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของท่านได้เมื่อหมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าวแล้ว

สิทธิของท่านตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ในฐานะที่ท่านเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิตามกฎหมายในการดำเนินการ ดังต่อไปนี้

1. สิทธิในการเพิกถอนความยินยอมของท่าน
ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับบริษัทได้ ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลท่านอยู่กับบริษัท

2. สิทธิในการขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ท่านมีสิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัท หรือขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานได้โดยทั่วไปโดยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานโดยอัตโนมัติ หรือใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวโดยวิธีอัตโนมัติ (ในกรณีที่บริษัทจัดทำ) หรือขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่นตามที่กฎหมายกำหนด หรือขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนแก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่น (เว้นแต่ทางเทคนิคไม่สามารถที่จะทำได้) รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อบริษัทให้แก่ท่านได้

3. สิทธิในการขอให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง
ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัทแก้ไขข้อมูลส่วนบุคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัทที่ไม่ถูกต้อง หรือ เพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์ ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลท่านอยู่กับบริษัท

4. สิทธิในการขอให้ลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือแปลงข้อมูลส่วนบุคคลให้อยู่ในรูปแบบข้อมูลที่ไม่สามารถรู้ตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลได้
ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัททำการลบ หรือทำลาย หรือแปลงข้อมูลส่วนบุคคลให้อยู่ในรูปแบบข้อมูลที่ไม่สามารถรู้ตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลได้ ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัท ด้วยเหตุบางประการตามที่กฎหมายกำหนดได้

5. สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัท ด้วยเหตุบางประการตามที่กฎหมายกำหนดได้

6. สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิในการคัดค้านบริษัทในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัท ด้วยเหตุบางประการตามที่กฎหมายกำหนดได้

7. สิทธิในการร้องเรียนในกรณีที่บริษัทฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่บริษัท รวมทั้ง ลูกจ้างหรือผู้รับจ้างของบริษัทฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ทั้งนี้ ท่านสามารถติดต่อมายังเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท เพื่อยื่นคำร้องขอให้บริษัทดำเนินการตามสิทธิข้างต้นได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ทรูมันนี่ โทร 1240 โดยบริษัทจะดำเนินการตามคำร้องขอของท่านให้แล้วเสร็จไม่เกินกว่าระยะเวลาที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดไว้ และบริษัทจะดำเนินการแจ้งให้ท่านทราบถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในการดำเนินการตามคำร้องขอนั้น อย่างไรก็ตาม บริษัทมีสิทธิปฏิเสธที่จะดำเนินการตามคำร้องขอของท่าน ในกรณีที่มีกฎหมายกำหนดไว้ รวมถึงบริษัทอาจเก็บค่าธรรมเนียมในการดำเนินการตามคำขอโดยพิจารณาจากค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการและนโยบายภายในบริษัท

การรักษาความปลอดภัย

บริษัทรับทราบและตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทจึงได้ปรับปรุงและพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้สอดคล้องกับกฎหมาย และทันสมัยและปลอดภัยตามหลักมาตรฐานสากลตลอดเวลา บริษัทจะดำเนินการอย่างเต็มความสามารถเพื่อปฏิบัติตามนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ และเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ รวมถึงผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทที่มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล หรือมีหน้าที่ตามกฎหมาย รักษาและเคารพซึ่งความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

ในกรณีที่ทางบริษัทมีความจำเป็นหรือต้องโอนข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ ของท่านไปยังต่างประเทศ บริษัทจะใช้มาตรฐานตามที่กฎหมายในเรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด และบริษัทจะไม่โอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังประเทศปลายทางที่ไม่มีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด เว้นแต่ท่านยินยอมให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังประเทศปลายทางดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการถูกจารกรรมทางคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าด้วยวิธีการเจาะระบบ (hacking) ขโมย สำเนา หรือทำลายฐานข้อมูล ทำลายรหัสลับส่วนตัว (password mining) หรือวิธีการอื่นใด ซึ่งมิใช่ความผิดของบริษัท บริษัทมีสิทธิที่จะปฏิเสธความรับผิดใดๆ อันเป็นผลมาจากการกระทำดังกล่าว

ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้หย่อนความสามารถตามกฎหมาย

หากท่านเป็นผู้หย่อนความสามารถตามกฎหมาย อันได้แก่ บุคคลที่ถูกศาลสั่งให้เป็นบุคคลเสมือนไร้ความสามารถ หรือบุคคลไร้ความสามารถตามกฎหมาย ในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทจะดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนที่เหมาะสม และตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น

ภาษา

การแปลนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ ไม่ว่าจะแปลเป็นภาษาใดก็ตาม มีไว้เพื่ออำนวยความสะดวกของท่านเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาใด ๆ ที่จะปรับเปลี่ยนนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่มีข้อความขัดแย้งกันระหว่างฉบับภาษาไทยและภาษาอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ภาษาไทย ให้ยึดข้อความตามภาษาไทย

การปรับปรุงนโยบาย

อนึ่ง การใช้บริการใด ๆ ของบริษัท ถือเป็นการยอมรับนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ บริษัทอาจแก้ไขหรือเพิ่มเติมนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ได้ไม่ว่าในเวลาใด ๆ และแจ้งให้ท่านทราบ การที่ท่านใช้บริการแอปพลิเคชัน หรือบริการใด ๆ ภายหลังจากที่มีการประกาศแก้ไขหรือเพิ่มเติมดังกล่าวย่อมถือเป็นการยอมรับการแก้ไขหรือเพิ่มเติมแต่ละครั้ง

การติดต่อ

หากท่านมีคำถาม ข้อร้องเรียน การขอเข้าถึง หรือข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวข้องกับนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคลนี้ และ/หรือต้องการตรวจสอบว่าข้อมูลส่วนบุคคลใดที่ท่านให้ไว้กับบริษัทอยู่ในความครอบครองของบริษัท ท่านสามารถติดต่อบริษัทได้ตามรายละเอียดต่อไปนี้

บริษัท แอสเซนด์ อินโนเวชั่น จำกัด (เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล)

ที่อยู่ : บริษัท แอสเซนด์ อินโนเวชั่น จำกัด เลขที่ 101 อาคารทรู ดิจิทัล พาร์ค ตึกฟีนิกซ์ ชั้นที่ 7 ถนนสุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10260

หมายเลขติดต่อ : ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ โทร 1240