ข้อกำหนดและเงื่อนไขในการขอรับความช่วยเหลือกรณีลูกค้าได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ
ผู้กู้ตามสัญญาสินเชื่อที่ขอรับความช่วยเหลือ (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “ผู้กู้”) ตกลงยื่นคำขอรับความช่วยเหลือ (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “คำขอเข้ารับความช่วยเหลือ”) กับบริษัท แอสเซนด์ นาโน จำกัด (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “ผู้ให้กู้”) ผ่านแอปพลิเคชัน ทรู มันนี่ วอลเล็ท และ/หรือช่องทางอื่นใดของผู้ให้กู้ (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกหนังสืออนุมัติความช่วยเหลือ คำขอรับความช่วยเหลือ ตารางแสดงภาระหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ และข้อกำหนดและเงื่อนไขตามสัญญานี้รวมกันว่า “สัญญาสินเชื่อ”) ซึ่งผู้กู้ตกลงจะปฏิบัติและผูกพันตามข้อตกลงและเงื่อนไขภายใต้สัญญาสินเชื่อทุกประการ
1. สินเชื่อและวงเงินสินเชื่อ
1.1 สินเชื่อภายใต้การกำกับตามสัญญาสินเชื่อนี้ เป็นสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับประเภทการให้กู้ยืมเงินโดยมีกำหนดเวลาการใช้คืน (term loan) โดยไม่มีบุคคลค้ำประกันหรือมีทรัพย์สินใดๆ เป็นหลักประกัน และไม่ใช่เงินกู้ยืมลักษณะหมุนเวียน
1.2 สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับตามสัญญาสินเชื่อนี้ เป็นการแปลงหนี้จากหนี้เงินต้นคงเหลือทั้งหมดตามสัญญาสินเชื่อที่ขอรับความช่วยเหลือ อันจะมีผลทำให้สัญญาสินเชื่อที่ขอรับความช่วยเหลือ (ตลอดจนมาตรการความช่วยเหลืออื่นใด ที่ผู้กู้อาจได้รับอยู่ก่อนการอนุมัติความช่วยเหลือในคราวนี้) สิ้นผลบังคับใช้ เมื่อบริษัทได้มีการออกหนังสืออนุมัติความช่วยเหลือตามสัญญาสินเชื่อฉบับนี้
1.3 ผู้กู้ตกลงให้ผู้ให้กู้ใช้ข้อมูลของผู้กู้ดังต่อไปนี้ ตามฐานข้อมูลของสินเชื่อที่ขอรับความช่วยเหลือของผู้ให้กู้มีอยู่ในปัจจุบันและที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงภายหลัง เพื่อการพิจารณาและให้บริการสินเชื่อตามสัญญาสินเชื่อนี้ โดยผู้กู้รับรองว่าข้อมูลดังกล่าวยังเป็นข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน
(1) ชื่อ-นามสกุล
(2) วันเกิด
(3) รายละเอียดตามบัตรประชาชน รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง หมายเลขบัตรประชาชน วันที่บัตรหมดอายุ ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน
(4) ช่องทางการติดต่อเพื่อการส่งใบแจ้งยอดชำระ ตลอดจนข้อมูลเพื่อการติดตามทวงถามหนี้ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง อีเมลล์ ที่อยู่สำหรับการติดต่อ ชื่อบุคคลเพื่อการติดตามทวงถามหนี้
(5) ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงาน รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง อาชีพ ชื่อสถานประกอบการหรือบริษัท ที่อยู่ที่ทำงาน เบอร์โทรศัพท์ที่ทำงาน รายได้ต่อเดือน
(6) ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการสินเชื่อที่ขอรับความช่วยเหลือของผู้กู้ ได้แก่ วงเงินพร้อมใช้สบายเป๋า (Device Loan), สินเชื่อ TrueMoney 0% (Device Loan), สินเชื่อส่วนบุคคล Cash Now by Ascend Nano หรือ สินเชื่อ Micro Credit บริการยืมก่อนจ่ายทีหลัง, สินเชื่อเพย์ เน็กซ์ (Pay Next) หรือสินเชื่อ เพย์ เน็กซ์ เอ็กซ์ตร้า (Pay Next Extra) แล้วแต่กรณี
1.4 ผู้กู้รับรองว่าผู้กู้เป็นผู้ยื่นคำขอรับความช่วยเหลือ เป็นผู้ทำคำขอเบิกใช้วงเงินสินเชื่อแต่ละคราวภายใต้สินเชื่อที่ขอรับความช่วยเหลือด้วยตนเองและได้ใช้วงเงินสินเชื่อตามความประสงค์ของผู้กู้เองเท่านั้น ไม่มีบุคคลอื่นมีอำนาจควบคุมการตัดสินใจในการทำคำขอรับความช่วยเหลือ หรือคำขอเบิกใช้วงเงินสินเชื่อดังกล่าวแทนผู้กู้
“ผู้ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง” หมายถึง บุคคลธรรมดาที่เป็นผู้กู้ที่แท้จริงตามที่ได้ยื่นคำขอรับความช่วยเหลือ และตามสัญญาสินเชื่อที่ขอรับความช่วยเหลือ หรือมีอำนาจควบคุมการเบิกใช้วงเงินสินเชื่อตามสัญญาสินเชื่อที่ขอรับความช่วยเหลือ หรือผู้กู้ทำธุรกรรมแทน รวมถึงบุคคลผู้ใช้อำนาจควบคุมนิติบุคคลหรือบุคคลที่มีการตกลงกันทางกฎหมาย”
1.5 ผู้กู้รับทราบและตกลงว่า บันทึก หลักฐาน หรือรายงานใดๆ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบของข้อมูลเอกสาร ข้อความ หรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่เกิดขึ้นจากการทำธุรกรรมระหว่างผู้กู้กับผู้ให้กู้ เพื่อวัตถุประสงค์ในการเบิกใช้สินเชื่อ การโอนเงินกู้ และการหักบัญชีเพื่อชำระหนี้ หรือค่าใช้จ่ายต่างๆ ภายใต้สัญญาสินเชื่อ เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมตามกฎหมาย รวมทั้งรับทราบและยินยอมให้ผู้ให้กู้สามารถใช้หลักฐานดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์หรือแสดงถึงหนี้ซึ่งผู้กู้มีต่อผู้ให้กู้ตามสัญญาสินเชื่อได้
2. ดอกเบี้ย
2.1 อัตราดอกเบี้ยสำหรับต้นเงินกู้ที่ผู้กู้จะต้องชำระภายใต้สัญญาสินเชื่อจะเป็นไปตามรายละเอียดที่ระบุไว้ในหนังสืออนุมัติความช่วยเหลือ ซึ่งส่งไปยังไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้กู้ระบุไว้เป็นช่องทางในการติดต่อเพื่อสินเชื่อที่ขอรับความช่วยเหลือ หรือช่องทางอื่นๆ ที่ผู้ให้กู้กำหนด
2.2 ผู้กู้รับทราบและตกลงว่าอัตราดอกเบี้ยที่ผู้กู้ได้รับอนุมัติตามที่ระบุไว้ข้างต้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ โดยผู้ให้กู้จะแจ้งการปรับอัตราดังกล่าวให้ผู้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 (สามสิบ) วันก่อนการเปลี่ยนแปลงนั้นจะมีผลบังคับใช้ เว้นแต่ในกรณีเร่งด่วน ผู้ให้กู้จะแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรให้ผู้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 (เจ็ด) วันก่อนการเปลี่ยนแปลงนั้นจะมีผลบังคับใช้ หรือในกรณีที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมีนัยสำคัญแก่ผู้ให้กู้ ผู้ให้กู้จะแจ้งการเปลี่ยนแปลงหรือแจ้งการดำเนินการให้ผู้กู้ทราบได้ภายหลังภายในระยะเวลาที่เหมาะสมทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยนั้นจะไม่เกินอัตราสูงสุดที่กฎหมายกำหนดให้เรียกเก็บจากสินเชื่อส่วนบุคคลได้ในแต่ละขณะ (ซึ่ง ณ วันที่ของคำขอนี้เท่ากับ อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 25 (ยี่สิบห้า) ต่อปี)
3. ค่าธรรมเนียม ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าใช้จ่าย
3.1 การใช้บริการสินเชื่อตามสัญญาสินเชื่อนี้มีค่าธรรมเนียม ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้บริการตามตารางรายละเอียดเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ ค่าธรรมเนียมใดๆ และค่าใช้จ่าย ซึ่งอยู่ท้ายสัญญาสินเชื่อ ซึ่งผู้กู้ตกลงรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการใช้บริการของตนเองทั้งหมด
3.2 ในการปรับเพิ่มอัตราค่าธรรมเนียม ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้บริการภายใต้สัญญาสินเชื่อนี้ ผู้ให้กู้จะแจ้งการปรับอัตราดังกล่าวให้ผู้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 (สามสิบ) วันก่อนการเปลี่ยนแปลงนั้นจะมีผลบังคับใช้ ในกรณีเร่งด่วน ผู้ให้กู้จะแจ้งให้ผู้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 (เจ็ด) วันก่อนการเปลี่ยนแปลงนั้นจะมีผลบังคับใช้ หรือในกรณีที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมีนัยสำคัญแก่ผู้ให้บริการ ผู้ให้กู้จะแจ้งการเปลี่ยนแปลงหรือแจ้งการดำเนินการให้ผู้กู้ทราบได้ภายหลังภายในระยะเวลาที่เหมาะสม
3.3 ผู้กู้ตกลงรับผิดชอบค่าอากรแสตมป์ในการทำสัญญาสินเชื่อ ตามอัตราที่กฎหมายกำหนด
3.4 ผู้กู้ตกลงยินยอมให้ผู้ให้กู้มีสิทธิทดรองจ่ายเงินค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายใดๆ ตามสัญญาสินเชื่อนี้ หรือเกี่ยวข้องกับสัญญาสินเชื่อนี้แทนผู้กู้ และผู้กู้ตกลงชดใช้เงินตามจำนวนที่ผู้ให้กู้ได้ทดรองจ่ายไปก่อนนั้นคืนให้แก่ผู้ให้กู้จนครบถ้วนภายในระยะเวลาที่ผู้ให้กู้กำหนด
3.5 ผู้กู้ตกลงและรับทราบว่าผู้ให้กู้สงวนสิทธิ์ในการไม่คืนค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายใดๆ ที่ผู้กู้ได้ชำระให้แก่ผู้ให้กู้แล้ว ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม
4. การชำระหนี้และหักบัญชี
4.1 ผู้กู้ตกลงชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ย ตลอดจนค่าธรรมเนียม ค่าปรับ ค่าบริการ ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้บริการภายใต้สัญญาสินเชื่อ และค่าอากรแสตมป์ตามรายละเอียดที่ระบุไว้ในหนังสืออนุมัติความช่วยเหลือ ตามที่ผู้ให้กู้จัดส่งให้ผ่านทางแอปพลิเคชัน ทรูมันนี่ วอลเล็ท หรือไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้กู้ระบุไว้เป็นช่องทางในการติดต่อเพื่อสินเชื่อที่ขอรับความช่วยเหลือ หรือช่องทางอื่นๆ ที่ผู้ให้กู้กำหนด
4.2 ผู้กู้ตกลงและรับทราบว่าระยะเวลานับจากวันที่ผู้ให้กู้อนุมัติความช่วยเหลือถึงวันครบกำหนดชำระงวดแรก อาจมีระยะเวลาน้อยกว่า 30 วัน
4.3 ผู้กู้ตกลงและยินยอมชำระหนี้ตามสัญญาสินเชื่อนี้ผ่านทางแอปพลิเคชัน ทรูมันนี่ วอลเล็ท (Bill Payment) ตามใบแจ้งยอดชำระ ซึ่งผู้ให้กู้ได้แจ้งให้ทราบทางแอปพลิเคชัน ทรูมันนี่ วอลเล็ท หรือไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้กู้ระบุไว้เป็นช่องทางในการติดต่อเพื่อสินเชื่อที่ขอรับความช่วยเหลือ หรือช่องทางอื่นๆ ที่ผู้ให้กู้กำหนด
4.4 ผู้กู้มีสิทธิชำระหนี้ตามสัญญาสินเชื่อคืนก่อนกำหนด โดยผู้ให้กู้ตกลงจะไม่คิดดอกเบี้ยของการเบิกใช้สินเชื่อที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระตามสัญญา และไม่มีเบี้ยปรับการชำระหนี้ก่อนกำหนด (Prepayment Fee) ทั้งนี้ สำหรับการชำระหนี้คือก่อนกำหนด ผู้กู้ตกลงให้ผู้ให้กู้นำเงินที่ชำระหนี้ก่อนกำหนดนั้นไปจัดสรรเพื่อหักชำระหนี้ดังต่อไปนี้ ตามลำดับ กล่าวคือ ค่าใช้จ่ายใดๆ ที่เกี่ยวข้องภายใต้สัญญาสินเชื่อ ค่าธรรมเนียม ดอกเบี้ยที่ค้างชำระ ดอกเบี้ยที่สะสมระหว่างงวดดอกเบี้ย และต้นเงินกู้ซึ่งผู้กู้จะต้องชำระในงวดท้ายสุดก่อนแล้วย้อนกลับมาในแต่ละงวดตามลำดับ อนึ่ง ผู้ให้กู้สงวนสิทธิ์ที่จะปรับเปลี่ยนลำดับการชำระหนี้ได้ตามที่ผู้ให้กู้เห็นสมควร
4.5 ในกรณีที่ผู้กู้ไม่ชำระหนี้จำนวนใดๆ ที่ถึงกำหนดชำระตามสัญญานี้ ผู้กู้ตกลงและยินยอมให้ผู้ให้กู้สามารถส่งคำสั่งให้บริษัท ทรู มันนี่ จำกัด หักเงินจากบัญชี ทรูมันนี่ วอลเล็ท ใดๆ ก็ตามที่ผู้กู้ได้เปิดไว้ในนามของตนเองเพื่อชำระหนี้ดังกล่าวได้ทันที ไม่ว่าเงินในบัญชี ทรูมันนี่ วอลเล็ท ของผู้กู้นั้นจะมีจำนวนเพียงพอสำหรับชำระหนี้ที่ค้างชำระได้เต็มจำนวนหรือไม่ก็ตาม ผู้กู้รับทราบว่าผู้ให้กู้ไม่มีหน้าที่ที่จะต้องดำเนินการหักเงินเพื่อชำระหนี้ข้างต้นแต่อย่างใด และผู้ให้กู้สงวนสิทธิในการคิดดอกเบี้ยผิดนัด รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ตามสัญญานี้ได้ตามปกติ โดยให้ถือว่าการรับทราบและยินยอมตามสัญญาสินเชื่อนี้ เป็นการให้ความยินยอมให้บริษัท ทรู มันนี่ จำกัด หักเงินใดๆ จากบัญชี ทรูมันนี่ วอลเล็ทของผู้กู้ในจำนวนเท่ากับยอดหนี้ที่คงค้างชำระตามสัญญาสินเชื่อนี้ ตามที่ผู้ให้กู้แจ้งได้ทันที โดยไม่ต้องขอความยินยอมใดๆ จากผู้กู้อีก โดยผู้ให้กู้ และ/หรือทรูมันนี่จะแจ้งให้ผู้กู้ทราบล่วงหน้าภายในระยะเวลาที่เพียงพอตามที่ผู้ให้กู้เห็นสมควร
4.6 ในกรณีที่ผู้กู้ไม่ชำระหนี้จำนวนใดๆ ที่ถึงกำหนดชำระตามสัญญานี้ ผู้กู้ตกลงและยินยอมให้ผู้ให้กู้ส่งคำสั่งในนามผู้กู้เพื่อทำการหักเงินของผู้กู้จากช่องทางต่างๆ (Source of funds) ที่ผู้กู้ได้ผูกเข้ากับบัญชี ทรูมันนี่ วอลเล็ทใดๆ ของผู้กู้ (ยกเว้นช่องทางที่เป็นวงเงินสินเชื่อ และบัตรเครดิต) นอกเหนือจากเงินในบัญชี ทรูมันนี่ วอลเล็ท ตามข้อ 4.5 ได้ เพื่อชำระหนี้ดังกล่าวให้แก่ผู้ให้กู้ ไม่ว่าเงินในช่องทางใดๆ (Source of funds) ที่ผู้กู้ได้ผูกเข้ากับบัญชี ทรูมันนี่ วอลเล็ทของผู้กู้นั้น จะมีจำนวนเพียงพอ สำหรับการชำระหนี้ที่ค้างชำระได้เต็มจำนวนหรือไม่ก็ตาม โดยไม่ต้องขอความยินยอมใดๆ จากผู้กู้อีก ทั้งนี้ ผู้ให้กู้และ/หรือบริษัท ทรู มันนี่ จำกัด ต้องแจ้งเงื่อนไขการดำเนินการหักเงินให้ผู้กู้ทราบล่วงหน้าภายในระยะเวลาที่เพียงพอตามที่ผู้ให้กู้เห็นสมควร
ผู้กู้รับทราบว่าผู้ให้กู้ไม่มีหน้าที่ที่จะต้องดำเนินการหักเงินเพื่อชำระหนี้ข้างต้นแต่อย่างใด และผู้ให้กู้สงวนสิทธิในการคิดดอกเบี้ยผิดนัด รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ตามสัญญานี้ได้ตามปกติ โดยในกรณีที่ผู้กู้ใช้บริการเลือก Source of funds แบบอัตโนมัติ (Smart Pay) ให้ถือว่าผู้กู้ประสงค์ให้มีการหักเงินตามลำดับและเงื่อนไขของบริการเลือก Source of funds แบบอัตโนมัติ (Smart Pay) ตามที่ผู้กู้ตกลงกับบริษัท ทรู มันนี่ จำกัด
ทั้งนี้ ให้ถือว่าการรับทราบและยินยอมตามสัญญาสินเชื่อนี้ เป็นการให้ความยินยอมให้บริษัท ทรู มันนี่ จำกัด ดำเนินการตามคำสั่งหักเงินใดๆ จากช่องทางต่างๆ (Source of funds) ข้างต้นแล้วแต่กรณี ในจำนวนตามที่ผู้ให้กู้แจ้ง
4.7 ในกรณีที่ผู้กู้ชำระหนี้เพียงบางส่วน หรือเงินในบัญชี ทรูมันนี่ วอลเล็ท หรือช่องทางต่างๆ (Source of funds) ที่ผู้กู้ได้ผูกเข้ากับบัญชี ทรูมันนี่ วอลเล็ท ที่ผู้ให้กู้อาจหักชำระหนี้ได้ไม่เพียงพอที่จะชำระหนี้ที่ค้างชำระได้เต็มจำนวน ผู้กู้ตกลงให้ผู้ให้กู้จัดสรรเงินดังกล่าวเพื่อชำระหนี้ส่วนที่เป็นค่าใช้จ่ายใดๆ ที่เกี่ยวข้องภายใต้สัญญาสินเชื่อ ค่าธรรมเนียม ดอกเบี้ยค้างชำระ และดอกเบี้ยที่สะสมระหว่างงวดก่อน ตามลำดับ และหากภายหลังจากที่ได้หักชำระหนี้ที่กล่าวมาแล้วยังมีเงินเหลือจึงค่อยนำไปหักชำระหนี้ส่วนที่เป็นต้นเงินกู้ ทั้งนี้ ผู้ให้กู้สงวนสิทธิ์ที่จะปรับเปลี่ยนลำดับการชำระหนี้ได้ตามที่ผู้ให้กู้เห็นสมควร
5. เหตุผิดสัญญาผู้กู้ตกลงว่าเหตุดังที่ระบุไว้ต่อไปนี้ ถือเป็นเหตุผิดนัดผิดสัญญาภายใต้สัญญาสินเชื่อ และเมื่อเกิดเหตุเหล่านี้ ถือว่าผู้กู้เป็นผู้ผิดนัดผิดสัญญา
5.1 ผู้กู้ผิดนัดชำระหนี้ ไม่ชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ย ตลอดจนค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้บริการภายใต้สัญญาสินเชื่อ และค่าอากรแสตมป์ภายใต้สัญญาสินเชื่อให้ครบถ้วนในวันครบกำหนดชำระ
5.2 ข้อมูลหรือหลักฐานประกอบคำขอรวมทั้งข้อมูลหรือหลักฐานอื่นใดที่ผู้กู้ได้ให้ไว้กับผู้ให้กู้เป็นเท็จ ไม่ครบถ้วน ปกปิดสิ่งที่ควรแจ้ง หรือผู้กู้แจ้งข้อมูลหรือหลักฐานในลักษณะที่ทำให้ผู้ให้กู้สำคัญผิดในสาระสำคัญ หรือผู้กู้มีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนตามเงื่อนไขของสัญญา
5.3 ผู้กู้ปิดหรือยกเลิกบัญชี ทรูมันนี่ วอลเล็ทที่ระบุไว้ในคำขอหรือตามที่มีอยู่ในฐานข้อมูลของสินเชื่อที่ขอรับความช่วยเหลือของผู้ให้กู้ เพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้บริการภายใต้สัญญาสินเชื่อจากผู้ให้กู้ หรือญชี ทรูมันนี่ วอลเล็ทดังกล่าวถูกยกเลิก หรือระงับการให้บริการ
5.4 ผู้กู้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีพฤติการอันน่าสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือกับการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย หรือกระทำการใดๆที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ให้กู้ (สำหรับผู้กู้ที่สมัครตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป)
5.5 ผู้กู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว มีการประนอมหนี้กับเจ้าหนี้ของผู้กู้เป็นการทั่วไป ถูกดำเนินกระบวนการเพื่อร้องขอให้เป็นผู้ล้มละลาย ถูกคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ถึงแก่กรรม หรือ อาจคาดหมายได้ว่าผู้กู้ไม่มีความสามารถที่จะชำระหนี้ตามสัญญาสินเชื่อได้อีกต่อไป
5.5 ผู้กู้ผิดนัดชำระหนี้ภายใต้สัญญาสินเชื่ออื่นใดที่มีอยู่กับผู้ให้กู้ หรือภายใต้สัญญาให้บริการหรือผลิตภัณฑ์ของบริษัทในกลุ่มของบริษัท แอสเซนด์ กรุ๊ป จำกัด หรือบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือเจ้าหนี้ภายใต้สัญญาให้บริการหรือผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีสิทธิเรียกให้ผู้กู้ชำระหนี้ก่อนถึงกำหนด
5.6 ผู้กู้ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขอื่นใด ภายใต้สัญญาสินเชื่อ นอกเหนือจากที่ระบุไว้ในข้อ 5.1 ถึง 5.5 โดยไม่สามารถแก้ไขเหตุผิดนัดผิดสัญญานั้นภายในกำหนดเวลา 30 (สามสิบ) วันนับแต่วันที่ซึ่งระบุในคำบอกกล่าวซึ่งผู้ให้กู้ส่งให้แก่ผู้กู้เพื่อแจ้งให้ผู้กู้แก้ไขเหตุผิดนัดผิดสัญญาที่เกิดขึ้น
6. ผลของการผิดสัญญาเมื่อเกิดเหตุผิดนัดผิดสัญญาดังที่กล่าวมาในข้อ 5. ส่งผลให้ผู้กู้เป็นผู้ผิดนัดผิดสัญญาผู้กู้รับทราบและตกลงว่าผู้ให้กู้สามารถใช้สิทธิอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่าง หรือทั้งหมด เท่าที่ไม่ขัดกัน ดังต่อไปนี้ได้
6.1 ยกเลิกสัญญาสินเชื่อนี้ และเรียกให้ชำระหนี้ทั้งหมดตามข้อกำหนดและเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญาสินเชื่อที่ขอรับความช่วยเหลือของผู้กู้
6.2 ผู้ให้กู้มีสิทธิถือว่าผู้กู้ผิดนัดหนี้ทั้งจำนวน และ/หรือเรียกให้หนี้ทั้งหมดตามสัญญาสินเชื่อถึงกำหนดชำระได้ทันที
6.3 ผู้ให้กู้สามารถคิดดอกเบี้ยในต้นเงินกู้ที่ถึงกำหนดชำระแล้วได้ในอัตราดอกเบี้ยสูงสุดตามที่กฎหมายกำหนดให้เรียกเก็บจากสินเชื่อส่วนบุคคลในแต่ละขณะได้ทันที (ซึ่ง ณ วันที่ของคำขอนี้เท่ากับ ร้อยละ 25 (ยี่สิบห้า) ต่อปี) (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “ดอกเบี้ยผิดนัด”) (แม้ว่าผู้กู้จะได้รับยกเว้น หรือผ่อนผันดอกเบี้ยเป็นกรณีพิเศษจากผู้ให้กู้อยู่ก็ตาม) โดยที่
(1) สำหรับกรณีที่เหตุผิดนัดผิดสัญญาเกิดจากการที่ผู้กู้ผิดนัดชำระหนี้ ไม่ชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ย ตลอดจนค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้บริการภายใต้สัญญาสินเชื่อ และค่าอากรแสตมป์ภายใต้สัญญาสินเชื่อให้ครบถ้วนตามที่ระบุไว้ในข้อ 5.1 ผู้ให้กู้จะคิดดอกเบี้ยผิดนัดในต้นเงินกู้ทั้งจำนวนนับตั้งแต่วันที่ครบกำหนดชำระหนี้ซึ่งมีการผิดนัดชำระจนกว่าผู้กู้จะชำระหนี้ทั้งหมดเสร็จสิ้น
(2) สำหรับกรณีเหตุผิดสัญญาอื่นๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้ในข้อ 5.1 ผู้ให้กู้จะคิดดอกเบี้ยผิดนัดในต้นเงินกู้ทั้งจำนวน นับตั้งแต่วันที่ผู้ให้กู้มีคำบอกกล่าวแจ้งเหตุผิดสัญญาจนกว่าผู้กู้จะชำระหนี้ทั้งหมดเสร็จสิ้น
6.4 ผู้ให้กู้สามารถเรียกค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทวงถามหนี้ ดำเนินคดี และบังคับชำระหนี้ที่เกิดขึ้นตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ตามเอกสารแสดงข้อมูลผลิตภัณฑ์สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ จากผู้กู้ได้ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีและค่าใช้จ่ายอื่นใดที่ผู้ให้กู้มีสิทธิเรียกจากผู้กู้ได้ตามกฎหมาย
6.5 ผู้ให้กู้มีสิทธิระงับ หรือลด วงเงินสินเชื่อภายใต้สัญญาสินเชื่อนี้ได้ทันทีตามที่ผู้ให้กู้เห็นสมควร
6.6 ในกรณีที่ผู้กู้ละเลยไม่แก้ไขเหตุแห่งการผิดสัญญาภายในกำหนดเวลา 30 วัน นับแต่วันถัดจากวันที่ผู้กู้ได้รับการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ให้กู้ให้แก้ไขเหตุดังกล่าว ผู้ให้กู้มีสิทธิยกเลิกวงเงินสินเชื่อภายใต้สัญญาสินเชื่อนี้ได้
7. ผู้กู้รับทราบว่าผู้ให้กู้อาจดำเนินการโอนสิทธิของผู้ให้กู้ภายใต้สัญญาสินเชื่อนี้ให้แก่ธนาคาร ผู้ประกอบธุรกิจ สินเชื่อส่วนบุคคล และ/หรือบุคคลภายนอกอื่นใดตามข้อตกลงที่บุคคลดังกล่าวมีอยู่กับผู้ให้กู้ และตกลงยินยอมให้ผู้ให้กู้ สามารถโอนสิทธิ ประโยชน์ และ/หรือหน้าที่ไม่ว่าทั้งหมด หรือในส่วนใดๆ ของตนที่มีอยู่ตามสัญญาสินเชื่อให้แก่ บุคคลใดตามที่ผู้ให้กู้เห็นสมควรได้ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงสิทธิ ประโยชน์ และ/หรือหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับต้นเงินกู้ ดอกเบี้ยค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทวงถามหนี้และบังคับชำระหนี้ที่เกิดขึ้น ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องและค่าใช้จ่ายอื่นใดที่ผู้ให้กู้มีสิทธิเรียกจากผู้กู้ได้ตามกฎหมาย และผู้กู้ตกลงและรับทราบว่าความยินยอมที่ผู้กู้ได้ให้ไว้แก่ผู้ให้กู้ ให้ถือว่าผู้กู้ได้ให้แก่ให้ผู้รับโอนสิทธิด้วย เพียงเท่าที่เกี่ยวข้องเพื่อการดังกล่าวสามารถบังคับตามสิทธิประโยชน์ และ/หรือปฏิบัติหน้าที่ที่ผู้รับโอนสิทธิผู้ให้กู้มีต่อตนได้เฉพาะในส่วนที่ได้รับโอนจากผู้ให้กู้ ทั้งนี้ เมื่อผู้ให้กู้แจ้งเป็นหนังสือ ให้ผู้กู้ทราบล่วงหน้าเป็นเวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งงวดของการชำระเงินต้นและ/หรือดอกเบี้ย ผู้กู้รับทราบและตกลงยินยอม ให้ผู้ให้กู้เปิดเผยข้อมูลให้แก่ผู้รับโอนสิทธิ ทั้งนี้ตามที่ระบุไว้ในเรื่องการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลของสัญญาสินเชื่อนี้
8. ข้อสัญญาที่เป็นโมฆะไม่กระทบส่วนที่สมบูรณ์
ถ้าในเวลาใดก็ตามข้อความหนึ่งข้อความใดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดตามสัญญาสินเชื่อ กลายเป็นข้อความหรือเอกสารที่เป็นโมฆะ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่สมบูรณ์ หรือใช้บังคับมิได้ในประการใดๆ ตามกฎหมาย ผู้กู้ตกลงว่าข้อความส่วนอื่นๆ ยังคงชอบด้วยกฎหมาย สมบูรณ์ และใช้บังคับได้ตามกฎหมายและไม่เสื่อมเสียไป เพราะความเป็นโมฆะ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่สมบูรณ์ หรือใช้บังคับมิได้ของข้อความหรือเอกสารส่วนดังกล่าว
ทั้งนี้ ข้อความใดในสัญญาฉบับนี้ หากขัดหรือแย้งกับประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจการให้กู้ยืมเงิน เพื่อผู้บริโภคของสถาบันการเงินเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญาพ.ศ. 2544 (และที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม) หรือกฎ ประกาศและกฎหมายอื่นใดที่บังคับใช้แก่สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ซึ่งมีผลใช้บังคับอยู่ในขณะนี้ และที่จะเพิ่มเติมต่อไปในภายหน้า เป็นผลให้ข้อสัญญาดังกล่าวไม่มีผลบังคับใช้ ให้ใช้ข้อกำหนดในประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา หรือกฎ ประกาศ และกฎหมายอื่นดังกล่าวแทน
9. การงดเว้นกระทำการ
หากผู้ให้กู้งดเว้นหรือละเลยการใช้สิทธิใดๆ ที่ผู้ให้กู้มีตามสัญญาสินเชื่อ ไม่ถือว่าผู้ให้กู้ได้สละสิทธินั้น
10. คำบอกกล่าว
10.1 ผู้กู้รับทราบและตกลงว่าการติดต่อ การส่งคำบอกกล่าว การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย หรือเอกสารใดๆ รวมถึงการแจ้งยอดหนี้ที่ถึงกำหนดชำระ และการทวงถามให้ชำระหนี้ตามสัญญาสินเชื่อ เมื่อผู้ให้กู้ได้จัดส่งทางไปรษณีย์ไปยังที่อยู่ซึ่งผู้กู้ระบุไว้เพื่อการนั้น หรือไปยังที่อยู่ตามที่ผู้กู้ได้แจ้งไว้เป็นลายลักษณ์อักษรครั้งหลังสุด หรือจัดส่งในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ไปยังช่องทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้กู้ระบุไว้ในคำขอ หรือตามข้อมูลล่าสุดที่ผู้ให้กู้ได้รับ เพื่อการปรับปรุงฐานข้อมูลของสัญญาสินเชื่อ หรือในบัญชีทรูมันนี่ วอลเล็ท ของผู้กู้ หรือไปยังบัญชี ทรูมันนี่ วอลเล็ท ของผู้กู้แล้ว ในกรณีที่ผู้กู้ประสงค์จะขอรับการจัดส่งในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ให้ถือว่าได้จัดส่งให้แก่ผู้กู้แล้วโดยชอบ
10.2 ผู้กู้รับทราบและตกลงว่าในการแจ้งข้อมูลตามที่คณะกรรมการข้อมูลเครดิตกำหนด เช่น หนังสือแจ้งการนำส่งข้อมูลให้แก่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (ครั้งแรกและรายปี) การแจ้งเกี่ยวกับการปฏิเสธสินเชื่อ หรือการแจ้งข้อมูลอื่นใดที่เกี่ยวข้อง ถือว่าได้จัดส่งให้แก่ผู้กู้โดยชอบแล้ว เมื่อผู้ให้กู้ได้จัดส่งทางไปรษณีย์ไปยังที่อยู่ซึ่งผู้กู้ระบุไว้เพื่อการนั้นตามที่ผู้กู้ได้แจ้งไว้เป็นลายลักษณ์อักษรครั้งหลังสุด หรือจัดส่งในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ไปยังช่องทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้กู้ระบุไว้ในคำขอ หรือตามข้อมูลล่าสุดที่ผู้ให้กู้ได้รับเพื่อการปรับปรุงฐานข้อมูลของสัญญาสินเชื่อ หรือในบัญชีทรูมันนี่ วอลเล็ทของผู้กู้ หรือไปยังบัญชี ทรูมันนี่ วอลเล็ท ของผู้กู้ หรือจัดส่งผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของผู้ให้กู้ซึ่งเชื่อมต่ออยู่กับแอปพลิเคชันทรูมันนี่ วอลเล็ทของผู้กู้แล้วให้ถือว่าได้จัดส่งให้แก่ผู้กู้แล้วโดยชอบ
11. เว้นแต่จะได้กำหนดเป็นอย่างอื่นในสัญญาสินเชื่อฉบับนี้ ผู้ให้กู้จะแจ้งข้อมูลอันเป็นสาระสำคัญของการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงหรือ เงื่อนไขใดๆ ของการใช้บริการภายใต้สัญญาสินเชื่อนี้ ที่ส่งผลให้ผู้กู้เสียประโยชน์ให้ผู้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 (สามสิบ) วัน ก่อนการเปลี่ยนแปลงนั้นจะมีผลบังคับใช้ หรือในกรณีเร่งด่วน ผู้ให้กู้จะแจ้งให้ผู้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 (เจ็ด) วันก่อนการเปลี่ยนแปลงนั้น จะมีผลบังคับใช้ หรือในกรณีที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมีนัยสำคัญแก่ผู้ให้กู้ ผู้ให้กู้จะแจ้งการเปลี่ยนแปลงหรือ แจ้งการดำเนินการให้ผู้กู้ทราบได้ภายหลังภายในระยะเวลาที่เหมาะสม เว้นแต่ในกรณีที่ผู้ให้กู้ได้รับความยินยอม การแสดงออกถึงการรับทราบจากผู้กู้ ให้การเปลี่ยนแปลงข้อตกลงหรือเงื่อนไขใดๆ ดังกล่าวมีผลบังคับใช้นับแต่วันที่ได้รับความยินยอม หรือวันที่ผู้กู้ได้แสดงออกถึงการรับทราบดังกล่าว
ในกรณีที่การเปลี่ยนแปลงนั้นส่งผลให้ผู้กู้เกิดภาระหรือความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ผู้ให้กู้จะขอความยินยอมจากผู้กู้ก่อน
12. สัญญาสินเชื่อมีผลใช้บังคับสัญญาสินเชื่อให้ถือว่ามีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ลงในหนังสืออนุมัติความช่วยเหลือ
13. การแสดงตัวตนในการใช้บริการภายใต้สัญญาสินเชื่อหรือการดำเนินการใดๆ ตามเงื่อนไขของสัญญาสินเชื่อนี้ ไม่ว่าจะกระทำโดยผ่านทาง แอปพลิเคชัน ทรูมันนี่ วอลเล็ท ทางเอกสาร หรือช่องทางอิเล็กทรอนิกส์อื่นใด ผู้กู้รับทราบและตกลงว่าการกระทำการหรือการส่งคำสั่งใดๆ ผ่านไปยังผู้ให้กู้ โดยมีการระบุข้อมูลแสดงตัวตนที่สามารถใช้บ่งชี้หรือพิสูจน์ตัวตนของผู้กู้ได้ เช่น รหัสประจำตัว รหัสผ่าน เลขประจำตัวประชาชน ลายนิ้วมือ เทคโนโลยีระบบจดจำเสียงหรือใบหน้า หรือสัญลักษณ์อื่นใดที่สร้างขึ้นในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้แสดงตัวตนในการเข้าใช้บริการของผู้กู้ ตามหลักเกณฑ์การพิสูจน์ตัวตนของผู้ให้บริการช่องทางการดำเนินการที่เกี่ยวข้องนั้นๆ ถือเป็นวิธีการแสดงตนของผู้กู้ที่น่าเชื่อถือและยอมรับได้ระหว่างผู้กู้กับผู้ให้กู้ ซึ่งผู้กู้ตกลงว่าคำสั่งและข้อมูลใดๆ ที่ได้ส่งให้แก่ผู้ให้กู้ผ่านวิธีการดังที่กล่าวมานั้นถือเป็นการที่ผู้กู้ได้กระทำด้วยตนเอง และเป็นหลักฐานที่มีผลผูกพันและสามารถใช้บังคับได้ตามกฎหมาย รวมทั้งใช้เป็นพยานหลักฐานในกระบวนการพิจารณาตามกฎหมายได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีการลงลายมือชื่อในเอกสารใดๆ เพิ่มเติมทั้งสิ้น
14. การทวงถามหนี้
14.1 ผู้กู้ตกลงว่าให้ใช้ที่อยู่ตามที่แจ้งในคำขอรับความช่วยเหลือหรือตามที่มีอยู่ในฐานข้อมูลของสินเชื่อที่ขอรับความช่วยเหลือของผู้ให้กู้ เป็นสถานที่ติดต่อเพื่อการทวงถามหนี้ด้วย หากผู้กู้เปลี่ยนแปลงที่อยู่ หรือเปลี่ยนชื่อ หรือนามสกุลใหม่ ผู้กู้จะแจ้งให้ผู้ให้กู้ทราบเป็นหนังสือภายใน 7 วัน นับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ หรือเปลี่ยนชื่อ หรือเปลี่ยนนามสกุล แล้วแต่กรณี
14.2 ผู้กู้ยินยอมให้ผู้ให้กู้ใช้บริการบุคคลและนิติบุคคลอื่นใดในการติดตามทวงถามหนี้ตามสัญญาสินเชื่อนี้
14.3 ผู้กู้ยินยอมให้ผู้ให้กู้ใช้บริการบุคคลและนิติบุคคลอื่นใดในการติดตามทวงถามหนี้ตามสัญญาสินเชื่อนี้ ตลอดจนยินยอมให้ผู้ให้กู้สามารถติดต่อสอบถามบุคคลอื่น เช่น บุคคลในครอบครัว นายจ้าง เป็นต้น เพื่อประโยชน์แห่งการติดตามทวงถามหนี้เท่าที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย
15. ข้อกำหนดอื่นคำยินยอมทั้งหลายที่ผู้กู้ได้ให้ไว้เพื่อประกอบคำขอ และหนังสือแจ้งยืนยันผลการพิจารณาสินเชื่อจากผู้ให้กู้ถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาสินเชื่อนี้ด้วย
16. การเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
16.1 ผู้กู้ตกลงยินยอมให้ผู้ให้กู้เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลของผู้กู้ เช่น ชื่อ หมายเลขโทรศัพท์ ข้อมูลการใช้งาน
โทรศัพท์มือถือ (“ข้อมูลส่วนบุคคล”) และ/หรือข้อมูลอื่นใดของผู้กู้ ที่ให้ไว้แก่ผู้ให้กู้ หรือให้ผ่านผู้ให้กู้ หรือมีอยู่กับผู้ให้กู้หรือที่ผู้ให้กู้ได้รับ หรือเข้าถึงได้จากแหล่งอื่น (รวมเรียกว่า “ข้อมูล”) โดยมีวัตถุประสงค์ที่จำเป็นและเหมาะสมเพื่อการให้บริการแก่ผู้กู้ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการปรับปรุงฐานข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน การดำเนินการตามคำขอของผู้กู้ก่อนให้บริการ การทบทวนและการพิจารณาสินเชื่อ การให้บริการสินเชื่อ การวิเคราะห์ความเสี่ยง การป้องกันการทุจริต และรักษาความปลอดภัยแก่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ของผู้ให้กู้ การมอบหมายงานให้ผู้อื่นสนับสนุนการให้บริการไม่ว่าจะเกี่ยวกับงานเทคโนโลยีสารสนเทศ งานติดต่อสื่อสาร งานให้บริการสนับสนุนลูกค้า งานติดตามทวงถาม การนำเสนอผลิตภัณฑ์และสิทธิประโยชน์อื่นใดที่อาจเป็นประโยชน์แก่ผู้กู้ การโอนสิทธิและ/หรือหน้าที่ การบริหารความเสี่ยง การควบคุมกำกับตรวจสอบ การบริหารจัดการภายในองค์กร การจัดการข้อร้องเรียน และ/หรือ เพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดที่จำเป็นต่อการดำเนินการของผู้ให้กู้อย่างมีนัยสำคัญ (“วัตถุประสงค์ในการให้บริการ”) เพื่อประโยชน์และเพื่อตอบสนอง ความต้องการของผู้กู้ หรือเพื่อให้ผู้ให้กู้สามารถให้บริการได้อย่างเป็นธรรมและต่อเนื่อง หรือเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย
16.2 ผู้กู้ตกลงและรับทราบว่าเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้บริการแก่ผู้กู้ ผู้ให้กู้มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าถึงข้อมูลในโทรศัพท์มือถือของผู้กู้ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ตำแหน่งที่ตั้ง รายชื่อผู้ติดต่อ บันทึกการโทร รายละเอียดข้อมูลที่เข้าถึงเป็นไปตามที่ปรากฏในนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
16.3 ผู้กู้ตกลงยินยอมให้ผู้ให้กู้เปิดเผยข้อมูลตามรายละเอียดและวัตถุประสงค์ที่ได้ระบุไว้ในข้อ 16.1 และ 16.2 ให้แก่ ตัวแทนของผู้ให้กู้ ผู้ให้บริการที่เป็นบุคคลภายนอก ผู้รับจ้างช่วงงานต่อ พันธมิตรทางธุรกิจที่ออกผลิตภัณฑ์ร่วมกัน (Co-brand) พันธมิตรทางธุรกิจเพื่อการรับซื้อและ/หรือ สนับสนุนเงินทุนในการประกอบธุรกิจสินเชื่อของผู้ให้กู้ ตลอดจนพันธมิตรตามความร่วมมือในการทำการตลาดร่วมกัน ผู้สอบบัญชีผู้ตรวจสอบภายนอก บริษัทข้อมูลเครดิต บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ บริษัทบริหารสินทรัพย์ ผู้รับโอนสิทธิผู้มีอำนาจตามกฎหมาย และ/หรือหน่วยงาน/องค์กร/นิติบุคคลใด ๆ ที่มีสัญญาอยู่กับผู้ให้กู้ รวมทั้งตกลงยินยอมให้ส่ง และ/หรือ โอนข้อมูลไปเก็บไว้บน server/cloud ซึ่งอาจอยู่ทั้งภายในและภายนอกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่มีมาตรฐานการรักษาข้อมูลเทียบเท่าหรือต่ำกว่าประเทศไทย รายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บ รวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูล และสิทธิต่าง ๆ ของผู้กู้ในฐานะเจ้าของข้อมูล
16.4 ในกรณีที่ผู้ให้กู้จะเปิดเผยข้อมูลของผู้กู้ให้แก่บุคคลที่สามโดยปราศจากฐานการประมวลผลข้อมูลอื่น ตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 กำหนด ผู้ให้กู้จะขอความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้กู้ก่อนเป็นกรณีรายครั้ง หรือตามเงื่อนไขการขอความยินยอมตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 กำหนด โดยผู้กู้มีสิทธิให้ความยินยอมหรือไม่ก็ได้ และหากให้ความยินยอมไปแล้ว ผู้กู้มีสิทธิถอนความยินยอมดังกล่าวเมื่อใดก็ได้ ทั้งนี้ เป็นไปตามเงื่อนไขที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ตลอดจนกฎหมายและกฏเกณฑ์อื่นใดที่เกี่ยวข้องกำหนด
16.5 ผู้กู้ตกลงและรับทราบถึงวัตถุประสงค์ ข้อมูลส่วนบุคคลที่จะมีการเก็บรวบรวม ระยะเวลาในการเก็บรวบรวม ประเภทของบุคคลซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลอาจถูกเปิดเผย สิทธิของผู้กู้ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย และข้อมูลเกี่ยวกับผู้ให้กู้และสถานที่และวิธีการติดต่อในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลในรายละเอียด ตามนโยบายการคุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งสามารถเข้าถึงได้ที่ https://www.ascendnano.com/announcement/pdpa
17. ข้อกำหนดอื่น
17.1 คำยินยอมทั้งหลายที่ผู้กู้ได้ให้ไว้เพื่อประกอบคำขอ ใบแจ้งยอดชำระ และหนังสือแจ้งยืนยันผลการพิจารณาสินเชื่อจากผู้ให้กู้ถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาสินเชื่อนี้ด้วย
17.2 ในกรณีมีเหตุสุดวิสัย หรือเหตุอื่นใดที่ทำให้ผู้ให้กู้ไม่สามารถดำเนินการตามข้อตกลงฯ ฉบับนี้ได้ ผู้กู้ตกลงให้ผู้ให้กู้พิจารณาดำเนินการได้ตามที่เห็นสมควรเพื่อให้เป็นไปตามสัญญาฉบับนี้ ผู้ให้กู้ขอสงวนสิทธิในการใช้ดุลยพินิจในการระงับ/เพิกถอนคำขอ และ/หรือระงับ/เพิกถอนการดำเนินการ หากการกระทำดังกล่าวเป็นไปเพื่อปกป้องสิทธิประโยชน์ของผู้กู้ โดยผู้กู้ตกลงยินยอมที่จะให้ความร่วมมือกับผู้ให้กู้อย่างเต็มที่ในการปรับปรุงวิธีการให้บริการและการดำเนินการของผู้ให้กู้
17.3 ผู้กู้รับรองว่ามีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ณ ขณะทำการยื่นคำขอ หรือในกรณีที่ผู้กู้มีอายุน้อยกว่า 20 ปีบริบูรณ์ ผู้กู้รับรองว่า ผู้กู้ได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองหรือผู้แทนโดยชอบธรรมแล้วตามกฎหมายในการเข้าผูกพันตามข้อตกลงและเงื่อนไขฉบับนี้และผู้กู้เข้าใจดีว่าผู้กู้ต้องรับผิดชอบต่อผลทางการเงินหรือผลอื่นใดที่เกิดขึ้นหรืออาจเกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการดำเนินการที่ผู้กู้เป็นผู้กระทำ