ความเสี่ยงและข้อมูลที่ควรทราบก่อนตัดสินใจลงทุน

• ความเสี่ยงจากการมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่ถือหุ้นมากกว่าร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้ว: ณ วันที่ 30 สิงหาคม 2567 บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด และบริษัทย่อย ถือหุ้นบริษัทรวมกันคิดเป็นร้อยละ 50.05 ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัท จึงอาจทำให้วาระที่กฎหมายหรือข้อบังคับกำหนดให้ต้องได้รับคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน ไม่ผ่านการลงมติ หากบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด และบริษัทย่อยงดออกเสียงหรือลงคะแนนเสียงไม่เห็นด้วยในวาระดังกล่าว

• ความเสี่ยงด้านการดำรงอัตราส่วนทางการเงิน: ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 และวันที่ 30 กันยายน 2567 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Net Debt to Equity Ratio) อยู่ที่ 1.54 เท่า และ 1.46 เท่า ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าที่ระบุไว้ในข้อกำหนดสิทธิหุ้นกู้ ทั้งนี้ บริษัทมีหน้าที่ดำรงไว้ซึ่งอัตราส่วนดังกล่าว ไม่เกิน 2.00 เท่า โดยคำนวณตามข้อมูลในงบการเงินรวมประจำงวดบัญชีสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม ของแต่ละงวดบัญชีที่ผู้สอบบัญชีได้ตรวจสอบแล้ว

• ความเสี่ยงจากกรณีพิพาทกับชุมชน: เนื่องจากบริษัทมีสถานประกอบการตั้งอยู่ในหลายพื้นที่ซึ่งแวดล้อมไปด้วยชุมชน สังคม และผู้มีส่วนได้เสียที่มีความต้องการที่แตกต่างและหลากหลาย ซึ่งการปฏิบัติงานอาจเกิดความผิดพลาดขึ้นได้ โดยไม่ตั้งใจ เช่น การพบแมลงวัน หรือกลิ่นจากบ่อบำบัดที่ทำงานไม่สมบูรณ์ การเกิดเสียงดังจากการใช้เสียงตามสายในเวลากลางคืน เป็นต้น โดยเหตุการณ์ดังกล่าวอาจนำมาสู่การร้องเรียน หรือมีความขัดแย้งกับชุมชนโดยรอบ กระทบชื่อเสียง ความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจ หรือเกิดค่าใช้จ่ายในการจัดการข้อพิพาทได้

• ตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. ได้สั่งให้บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) (“CPAXT”) (ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจภายใต้เครือเจริญโภคภัณฑ์เช่นเดียวกับบริษัท) ชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับการร่วมลงทุนในโครงการ The Happitat ผ่านการร่วมลงทุนในบริษัทย่อยบริษัท แอ็กซ์ตร้า โกรท พลัส จำกัด (AGP) ในสัดส่วนร้อยละ 95 คิดเป็นมูลค่า 7,970 ล้านบาท พร้อมให้เปิดเผยข้อมูลผ่านระบบ SETLink ภายในวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2567 นั้น CPAXT ได้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2567 และวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2567 อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทุนของผู้ลงทุนหรือต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์ของบริษัทในกลุ่มธุรกิจภายใต้เครือเจริญโภคภัณฑ์

• บริษัทไม่เคยมีประวัติการผิดนัดชำระหนี้เงินต้นหรือดอกเบี้ยของตราสารหนี้ หรือผิดนัดชำระหนี้เงินกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ หรือสถาบันการเงินที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น และไม่อยู่ในระหว่างการผิดเงื่อนไขในการปฏิบัติตามข้อกำหนดสิทธิของตราสารหนี้

• วัตถุประสงค์การใช้เงินที่ได้รับจากการออกและเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ เพื่อชำระคืนหนี้จากการออกตราสารหนี้ (roll-over) ภายในเดือนเมษายน พ.ศ. 2568

ความสัมพันธ์ระหว่าง บริษัทฯ กับ KGroup

• ปัจจุบันธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (“ธนาคารกสิกรไทย” หรือ “KBank”) เป็นเจ้าหนี้ไม่มีหลักประกันของบริษัท โดยระยะเวลาวงเงินกู้อาจสั้นหรือยาวกว่าอายุของหุ้นกู้ในครั้งนี้ ซึ่งการให้สินเชื่อของธนาคารกสิกรไทยแก่บริษัทในปัจจุบัน ไม่ผูกพันและไม่อาจถือว่าธนาคารกสิกรไทยจะให้หรือไม่ให้สินเชื่อในอนาคต รวมถึงธนาคารกสิกรไทยมีสิทธิในการใช้สิทธิต่าง ๆ ตามสัญญาสินเชื่อ ซึ่งอาจเป็นคุณหรือไม่เป็นคุณกับผู้ลงทุนได้ ทั้งนี้ บริษัทและ KBank ไม่มีการถือหุ้นระหว่างกัน และไม่มีกรรมการเป็นบุคคลเดียวกัน (ข้อมูล ณ วันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567)

• สำหรับบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (“KS”) ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารกสิกรไทย (สำหรับการจอง การจัดจำหน่าย และการจัดสรรหุ้นกู้ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไปเท่านั้น ไม่รวมถึงผู้ลงทุนสถาบัน) ไม่มีความสัมพันธ์กับบริษัทในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ กล่าวคือ KS ไม่เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท รวมถึง KS และบริษัทไม่มีกรรมการเป็นบุคคลหรือกลุ่มบุคคลเดียวกัน และบริษัทไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นของ KS (ข้อมูล ณ วันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2567)

ข้าพเจ้าได้รับ Factsheet (แบบสรุปข้อมูลสำคัญของหุ้นกู้) หนังสือชี้ชวน และเอกสาร Risk Disclosure Factsheet ฉบับนี้เรียบร้อยแล้ว ตลอดจนรับทราบและมีความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะความเสี่ยง และผลตอบแทนของหุ้นกู้ตามที่ปรากฎใน Factsheet (แบบสรุปข้อมูลสำคัญของหุ้นกู้) หนังสือชี้ชวน และเอกสาร Risk Disclosure Factsheet ฉบับนี้ และขอยืนยันว่าข้าพเจ้าได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วถึงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ของ “หุ้นกู้ของบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2568 ชุดที่ 1 – 2” เป็นอย่างดีแล้ว และพร้อมรับความเสี่ยงในการลงทุน รวมถึงดูแลความเสี่ยงในการลงทุนในหุ้นกู้ดังกล่าวได้ด้วยตนเอง