ใครๆ ก็มีเงินบำนาญใช้ดูแลตัวเองยามชรา เพียงเริ่มออม รัฐช่วยสมทบเพิ่มให้อีก
ประเทศไทยของเราได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ ซึ่งยกระดับจากเดิมที่เราอยู่ในสังคมผู้สูงอายุกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 จำนวนประชากรกลุ่มสูงวัยนี้มีมากกว่าร้อยละ 20 ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ และคาดการณ์ว่าอีก 10 ปีข้างหน้าเราจะยกระดับอีกหนึ่งขั้น เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอดอย่างแน่นอน
ปัญหาที่คาดไม่ถึงเมื่อเข้าสู่วัยชราปลดเกษียณ
ดูแล้วก็เหมือนจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ก็แค่บ้านเมืองมีคนสูงวัยอยู่ในสังคมมากขึ้น แต่ถ้าตรึกตรอง พิจารณาดี ๆ จะเห็นถึงปัญหาต่าง ๆ ที่ตามมามากมายเลยทีเดียว กลุ่มคนวัยทำงานที่ลดน้อยลง ทำให้ประเทศชาติขาดกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศที่ลดน้อยลงตามไปด้วย กลายเป็นปัญหาเศรษฐกิจเรื้อรัง รวมถึงปัญหาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุหลังเกษียณ เงินออมที่มีไม่พอค่าใช้จ่ายในการดำเนินชีวิตในช่วงบั้นปลาย หรือบางคนยังพกหนี้สินตั้งแต่วัยทำงานติดตามตัวมาด้วย สร้างความทุกข์ใจจนกลายเป็นปัญหาสุขภาพ แทนที่จะได้ใช้เวลาในช่วงสุดท้ายของชีวิตอย่างมีความสุข
ระบบออมเงินภาคบังคับและภาคสมัครใจ..สวัสดิการเพื่อคนไทยในยามชรา
รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของปัญหานี้ จึงได้จัดตั้งระบบการออมเงินทั้งภาคบังคับและภาคสมัครใจขึ้น โดยภาคบังคับนั้นจะใช้บังคับกลุ่มคนทำงานที่อยู่ในระบบในรูปแบบกองทุนบำเหน็จบำนาญ ประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ แต่ก็ยังมีคนไทยอีกมากที่ประกอบอาชีพอิสระ พ่อค้าแม่ค้า ที่อาจทำงานหามรุ่งหามค่ำ จนลืมคิดถึงการใช้ชีวิตในยามชรา ระบบการออมภาคสมัครใจจึงเข้ามาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะเป็นตัวช่วยสำคัญในการสร้างคุณภาพชีวิตหลังเกษียณของคนไทย ให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่เท่าเทียมกันในทุกกลุ่มอาชีพ และ “กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.)” คือคำตอบของสาระสำคัญในวันนี้
“กองทุนการออมแห่งชาติ” ช่วยให้คุณมีบำเหน็จบำนาญแม้ไม่ใช่ข้าราชการ
ไม่ต้องรับราชการหรือเป็นมนุษย์เงินเดือนตามหน่วยงานต่าง ๆ ก็สามารถมีบำเหน็จบำนาญไว้ใช้ดูแลตัวเองยามชราได้ โดยกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ถูกจัดตั้งมาเพื่อดูแลผู้ที่อยู่นอกเหนือจากกลุ่มแรงงานในระบบโดยเฉพาะ เพื่อลดความเลื่อมล้ำและสร้างความเสมอภาคให้เกิดขึ้นในสังคมไทย ให้คนไทยทุกคนได้ใช้ชีวิตในวัยชราอย่างมีคุณภาพ ความสุขมวลรวมของคนในประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งความสุขถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันให้ประเทศเกิดการพัฒนาอย่างมั่นคงและยั่งยืน
โดยมีเงื่อนไขการสมัครสมาชิกก็ง่าย ๆ เพียงคุณมีสัญชาติไทย และมีอายุตั้งแต่ 15 – 60 ปีขึ้นไป ไม่อยู่ในระบบกองทุนและระบบบำนาญใด ๆ ทั้งของภาครัฐและภาคเอกชน ประกอบอาชีพอิสระ ไม่มีรายได้ประจำ หรือเป็นนักเรียน นิสิตนักศึกษา ก็สามารถสมัครเป็นสมาชิก กอช. เพื่อรับสวัสดิการดี ๆ จากรัฐแบบนี้ได้
เพราะกอช.ไม่ได้แค่ช่วยออมเงินให้คุณเพียงอย่างเดียว แต่คุณยังได้สวัสดิการเป็นเงินสบทบจากรัฐบาลเพิ่มอีกด้วย ซึ่งสูงสุดถึง 100% ตามช่วงอายุ ดังนี้
- ช่วงอายุ 15 – 30 ปี รัฐจ่ายเงินสบทบให้ 50% ของเงินฝากสะสม แต่ไม่เกินปีละ 1,800 บาท
- ช่วงอายุ >30 – 50 ปี รัฐจ่ายเงินสมทบให้ 80% ของเงินฝากสะสม แต่ไม่เกินปีละ 1,800 บาท
- ช่วงอายุ >50 – 60 ปี รัฐจ่ายเงินสมทบให้ 100% ของเงินฝากสะสม แต่ไม่เกินปีละ 1,800 บาท
- อายุ 60 ปีขึ้นไป รับบำนาญรายเดือนจนสิ้นอายุขัย (ขั้นต่ำ 600 บาท – 12,XXX บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการออม)
โดยคุณสามารถกำหนดจำนวนเงินออมเองได้อย่างอิสระ ไม่จำเป็นต้องออมทุกเดือน สามารถหยุดออมได้หากบางเดือนเกิดติดขัดการเงินขาดสภาพคล่อง โดยไม่เสียสิทธิ์สมาชิก ซึ่งเริ่มต้นออมขั้นต่ำได้ตั้งแต่ 50 บาท สูงสุดที่ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี
อย่ามองว่าชีวิตในวัยเกษียณนั้นเป็นเรื่องไกลตัวที่สามารถผัดวันประกันพรุ่งเอาไว้จัดการทีหลังได้ หากตอนนี้คุณยังอายุน้อย ๆ ถือเป็นโอกาสอันดีที่คุณจะได้มีเวลาเก็บเงินออมไว้ใช้ยามชราได้นานกว่าคนอื่น มีเงินบำเหน็จบำนาญมากกว่าคนอื่น เพราะอนาคตเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดเดาได้เลยว่า ระหว่างทางของเส้นทางชีวิตนั้นจะประสบพบเจอกับสิ่งใดบ้าง การสร้างหลักประกันที่แน่นอนไว้ช่วยดูแลตัวเองยามชราน่าจะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยมากที่สุด เริ่มต้นออมเสียแต่วันนี้ ยิ่งเริ่มเร็วเท่าไหร่ ภาพยามชราที่สุขกายสบายใจก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น ที่สำคัญเงินออมจากองทุนออมแห่งชาตินี้ยังสามารถใช้สิทธิ์ในการลดหย่อนภาษีได้เต็มจำนวนเงินสะสมต่อปีอีกด้วย
แหล่งที่มา เว็บไซต์กอช.